อันตรายในคืนฮาโลวีน เมื่อ “ความสนุก” อาจกลายเป็นภัยกับเพื่อนสี่ขา

หน้าแรก 9 Uncategorized @th 9 อันตรายในคืนฮาโลวีน เมื่อ “ความสนุก” อาจกลายเป็นภัยกับเพื่อนสี่ขา

อันตรายในคืนฮาโลวีน เมื่อ “ความสนุก” อาจกลายเป็นภัยกับเพื่อนสี่ขา

Uncategorized @th, บทความทั่วไป, บทความน่ารู้จากคุณหมอ

วันฮาโลวีนเป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนาน การแต่งกายแฟนซี และการเดินขอขนมตามบ้าน (Trick-or-Treat) บรรยากาศเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คน แต่สำหรับสุนัขและแมวแล้ว ฤดูกาลนี้กลับแฝงไปด้วยความเสี่ยงที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่อาจมองข้ามได้  คุณหมอขอเน้นย้ำถึงภัยอันตรายหลักสองประการที่มักเกิดขึ้นในช่วงฮาโลวีน นั่นคือ อาหารที่เป็นพิษ และ อันตรายจากสิ่งของตกแต่ง เพื่อให้เจ้าของสามารถเตรียมพร้อมและปกป้องสมาชิกสี่ขาให้ปลอดภัยตลอดคืนสุดสยองนี้

ภัยเงียบหมายเลข 1: ช็อกโกแลต (Chocolate Toxicosis)

​               ช็อกโกแลตเป็นขนมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในคืนฮาโลวีน และเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการป่วยฉุกเฉินในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในสุนัข เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีกลไกการเผาผลาญสารเคมีบางชนิดที่แตกต่างจากมนุษย์

​สารพิษสำคัญ: ธีโอโบรมีนและคาเฟอีน (Theobromine and Caffeine)

​               สารประกอบหลักที่เป็นพิษในช็อกโกแลตคือ ธีโอโบรมีน (Theobromine) และ คาเฟอีน (Caffeine) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเมทิลแซนทีน (Methylxanthines) (Cortinovis & Caloni, 2016) สารเหล่านี้เป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลางและระบบหัวใจและหลอดเลือดของสุนัขและแมว เนื่องจากสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขจะเผาผลาญสารธีโอโบรมีนได้ช้ากว่ามนุษย์มาก ทำให้สารพิษคงอยู่ในร่างกายได้นานและส่งผลร้ายอย่างต่อเนื่อง

​ความรุนแรงของพิษ: ขึ้นอยู่กับปริมาณธีโอโบรมีนที่สัตว์ได้รับต่อน้ำหนักตัว (mg/kg) และชนิดของช็อกโกแลต โดยทั่วไป ช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นสูง หรือมีปริมาณโกโก้มาก จะมีธีโอโบรมีนสูงตามไปด้วย

  • ​ช็อกโกแลตสำหรับทำขนม (Baking Chocolate) และ ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) มีความเข้มข้นของธีโอโบรมีนสูงที่สุดและอันตรายที่สุด
  • ​มิลค์ช็อกโกแลต (Milk Chocolate) มีปริมาณธีโอโบรมีนน้อยกว่า แต่การกินในปริมาณมากยังคงเป็นอันตรายได้ (ASPCA, 2024)
  • ​ไวท์ช็อกโกแลต (White Chocolate) แม้จะมีธีโอโบรมีนน้อยมากจนไม่ก่อพิษ แต่ปริมาณไขมันและน้ำตาลสูงก็อาจทำให้เกิดอาการทางเดินอาหารอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบได้

อาการที่สังเกตได้

​อาการของภาวะพิษจากช็อกโกแลตมักปรากฏภายใน 6-12 ชั่วโมงหลังการกิน (Khan, 2012)

​อาการเริ่มต้น (ปริมาณน้อย-ปานกลาง): อาเจียน ท้องเสีย กระหายน้ำและปัสสาวะมากผิดปกติ กระสับกระส่าย หายใจถี่

​อาการรุนแรง (ปริมาณมาก): กล้ามเนื้อสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือเต้นผิดจังหวะ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น (Hyperthermia) และอาจนำไปสู่อาการชักและเสียชีวิตได้ในที่สุด

อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาเจียน ท้องเสีย ปัสสาวะมาก กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia) หายใจลำบาก ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อสั่น กระสับกระส่าย อุณหภูมิสูง และในรายรุนแรงอาจเกิดภาวะชัก (seizures) หรือภาวะหัวใจผิดปกติ (arrhythmias) จนถึงภาวะช็อกและเสียชีวิตได้

 

ภัยเงียบหมายเลข 2: ลูกอมและสารให้ความหวาน (Xylitol Toxicosis)

​               ลูกอมและหมากฝรั่งชนิดปราศจากน้ำตาล (Sugar-Free Candy and Gum) กลายเป็นอีกหนึ่งภัยอันตรายร้ายแรงที่ซ่อนตัวอยู่ในถุงขนมฮาโลวีน เนื่องจากมีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่เรียกว่า ไซลิทอล (Xylitol)

​ไซลิทอล: สารพิษร้ายแรงต่อตับ

​ไซลิทอลเป็นสารที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ แต่กลับเป็นพิษรุนแรงต่อสุนัข เมื่อสุนัขกินไซลิทอลเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมอย่างรวดเร็วและกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนอย่างมหาศาล (Gupta, 2013) ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง (Hypoglycemia) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

​ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ: อาจเกิดขึ้นภายใน 10-60 นาทีหลังการกิน

​ตับวายเฉียบพลัน: ในปริมาณที่สูงขึ้น ไซลิทอลยังเชื่อมโยงกับภาวะตับถูกทำลายอย่างรุนแรง (Acute Hepatic Necrosis) และตับวายเฉียบพลันในสุนัขได้ (Campbell & Bates, 2018)

​อาหารอื่น ๆ ที่เป็นพิษ

​นอกจากช็อกโกแลตและไซลิทอลแล้ว ยังมีอาหารบางชนิดที่ควรระวังเป็นพิเศษหากปรากฏอยู่ในถุงขนมฮาโลวีน:

​องุ่นและลูกเกด (Grapes and Raisins): สารประกอบที่เป็นพิษในองุ่นและลูกเกดคือ กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) ซึ่งสามารถทำลายไตและทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันในสุนัขได้ (Sutton et al., 2021)

​ถั่วแมคคาเดเมีย (Macadamia Nuts): อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรง อาเจียน ตัวสั่น และภาวะไข้สูงในสุนัข

 

ภัยเงียบหมายเลข 3: บรรจุภัณฑ์และสิ่งแปลกปลอม

​               ภัยที่ไม่ใช่อาหารแต่พบได้บ่อยคือการที่สัตว์เลี้ยงกินบรรจุภัณฑ์ของขนมเข้าไป เช่น ฟอยล์ห่อช็อกโกแลต (Foil Wrappers) พลาสติก หรือ กระดาษไข วัสดุเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ในระบบทางเดินอาหาร หากกินเข้าไปในปริมาณมากหรือมีขนาดใหญ่พอ อาจทำให้เกิดภาวะ

​ลำไส้อุดตัน (Gastrointestinal Obstruction): ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินอาหาร

​การสำลัก (Aspiration): การที่สัตว์เลี้ยงพยายามอาเจียนเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา อาจเสี่ยงต่อการสำลักเอาเศษอาหารหรืออาเจียนเข้าสู่ปอดและทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบตามมา

 

ภัยเงียบหมายเลข 4: อันตรายจากสิ่งของตกแต่ง (Props and Decorations)

​               นอกจากอาหารแล้ว สิ่งของตกแต่งที่นำมาใช้ในคืนฮาโลวีนก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้ เจ้าของควรจัดเก็บหรือติดตั้งสิ่งเหล่านี้ให้พ้นจากความสนใจของสัตว์เลี้ยง

​สิ่งของตกแต่งที่ควรระวัง

  • ​เทียนไขและโคมฟักทอง (Jack-o’-Lanterns): ฟักทองที่จุดเทียนไขด้านในเป็นความเสี่ยงสูง อันตรายจากเปลวไฟ อาจทำให้สัตว์เลี้ยงที่เข้าใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นถูกไฟไหม้ หรือทำให้หางหรือขนติดไฟได้ นอกจากนี้ หากสัตว์เลี้ยงชนโคมฟักทองล้ม อาจทำให้เกิดอัคคีภัยในบ้านได้ง่าย ควรเปลี่ยนไปใช้เทียนไขที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่จะปลอดภัยที่สุด
  • ​สายไฟและสายไฟประดับ (Electrical Cords and String Lights): สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะลูกสุนัขและลูกแมว มีแนวโน้มที่จะชอบกัดแทะสายไฟ การกัดแทะสายไฟที่เสียบปลั๊กอยู่จะทำให้เกิด อันตรายจากไฟฟ้าช็อต และ การบาดเจ็บที่ช่องปากและลิ้นอย่างรุนแรง รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้
  • พลาสติกชิ้นเล็กและยาง: เช่น แมงมุมปลอม ลูกตาปลอม หรือชิ้นส่วนจากเครื่องแต่งกาย หากถูกกลืนเข้าไป อาจเป็น สาเหตุของการสำลัก หรือ สิ่งแปลกปลอมในทางเดินอาหาร
  • ​แท่งเรืองแสง (Glow Sticks/Jewelry): แท่งเรืองแสงมีของเหลวที่เรียกว่า ไดบิวทิล พทาเลต (Dibutyl Phthalate) ซึ่งถึงแม้จะมีความเป็นพิษต่ำ แต่หากสัตว์เลี้ยงกัดจนของเหลวไหลออกมา อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงในช่องปาก น้ำลายไหลมากผิดปกติ อาเจียน หรือมีอาการสับสนได้ (ASPCA, 2024)

 

ข้อแนะนำจากสัตวแพทย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

​1.เก็บขนมให้มิดชิด: จัดเก็บถุงขนมฮาโลวีนทั้งหมดในที่สูงและพ้นสายตาของสัตว์เลี้ยง อธิบายและกำชับเด็ก ๆ ในบ้านให้เข้าใจถึงความเสี่ยงของช็อกโกแลตและไซลิทอล

​2.แยกสัตว์เลี้ยงออกจากพื้นที่เสี่ยง: ในช่วงที่มีการทำกิจกรรม Trick-or-Treat หรือมีแขกเข้าออกประตูหน้าบ้านบ่อยครั้ง ควรจัดห้องที่เงียบสงบ ไม่มีขนมหรือสิ่งตกแต่งอันตราย เพื่อให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ปลอดภัยและลดความเครียดจากการเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าหรือเสียงดัง

​3.ตรวจสอบการตกแต่ง: เลือกใช้ของตกแต่งที่ไม่เป็นพิษและติดตั้งให้มั่นคง โดยเฉพาะแสงไฟและสายไฟ ควรมีการป้องกันการกัดแทะ (Cord Protectors)

​4.เตรียมข้อมูลฉุกเฉิน: บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของคลินิกสัตวแพทย์ฉุกเฉินที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

​               หากคุณสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงของคุณได้รับสารพิษ หรือกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไป แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม กรุณาติดต่อสัตวแพทย์ทันที อย่าพยายามรักษาเองที่บ้าน เพราะการรักษาที่รวดเร็วและถูกต้องคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของคุณ

 นายสัตวแพทย์รพีพัฒน์  โพบุคดี

 

 

เอกสารอ้างอิง

​ASPCA. (2024). Halloween Safety Tips. Retrieved from https://www.facebook.com/ACALLforAnimalRightsThailand/posts/984391480467326/

​Campbell, A., & Bates, N. (2018). Xylitol poisoning in dogs. Veterinary Record, 182(25), 705-706.

​Cortinovis, C., & Caloni, F. (2016). Household Food Items Toxic to Dogs and Cats. Frontiers in Veterinary Science, 3, 26.

​Gupta, A. (2013). Xylitol toxicosis in dogs. The Canadian Veterinary Journal, 54(12), 1157-1160.

​Khan, S. A. (2012). Chocolate toxicosis. Clinical Techniques in Small Animal Practice, 27(3), 108-112.

​Sutton, B. M., et al. (2021). Tartaric Acid and Potassium Bitartrate (Cream of Tartar) Induce Acute Kidney Injury in Dogs. Journal of Veterinary Emergency and Critical Care, 31(5), 606-613